BumQ

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

2 ปีผ่าน “เฉลิม” ไร้คุณูปการ เหตุใด สตช.ต้องเลี้ยงส่ง

หลังเขย่าติ้วปรับ ครม.ยิ่งลักษณ์ 1/5 ที่มีการสลับสับเปลี่ยนหน้าตาเสนาบดีกับถึง 18 ตำแหน่งผ่านพ้นไป ยังคงมี “อาฟเตอร์ช็อก” ตามมากับอาการงอนตุ๊บป่องไม่เลิกของ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” รมว.แรงงาน ที่จนป่านนี้ยังไม่วี่แววจะเข้ากระทรวงไปไหว้เจ้าที่เจ้าทางเหมือนเพื่อนคนอื่น
       
       หน้ำซ้ำยังอาศัยข้อมีนัดหมอตรวจร่างกายประจำปี “โดดร่ม” ไม่ร่วมวงประชุม ครม.นัดแรก แถมยังหลบหน้าหลบตาไม่ยอมมาร่วมชักภาพใหม่ถ่ายรูป ครม.ใหม่ ก่อนเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตามธรรมเนียม ต่อเนื่องจนมาถึงข่าวลือหนาหูออกมาอีกว่า เจ้าตัวกำลังชั่งใจจะ “ไขก๊อก” ลาออกประชดอยู่
       
       เรื่องของเรื่องก็มาจากการที่ถูกลดชั้นกระชากลงจากรองนายกฯ อันดับ 1 หรือเจ้าของรหัส “สร. 2” ผู้เคยมีอำนาจคับทำเนียบรัฐบาล ได้นั่งหัวโต๊ะ ครม.เวลาที่ “นารีปู” ไม่อยู่ออกทัวร์เมืองนอก
       
       จำต้องตกต่ำไปรับบท “จับกัง 1” ประจำการอยู่ที่ย่านสามเหลี่ยมดินแดง
       
       เมื่อการ “เสียหน้า-อำนาจหด” เป็นสิ่งที่ “เฉลิม” ยอมไม่ได้ จึงเป็นธรรมดาที่มีออกแอ็กติ้งฟาดงวงฟาดงาเรียกร้องความสนใจกันบ้าง ตามประสาอาการคนอาลัยอาวรณ์ “อำนาจ” ที่ถูกริบไป
       
       ย้อนนึกไปถึงคำพูดของ “สารวัตรเหลิม” ช่วง 2-3 สัปดาห์ให้หลังมานี้ที่ว่า “การเมืองจะเข้าโหมดแตกหัก” แต่กลับกลายเป็นว่าวันนี้ “คนอกหัก” ออกลูกพาลเหมือนอยากแตกหักกันเองในรัฐบาล
       
       หรืออย่างวันก่อนยังพล่ามในฐานะรองนายกฯดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เปิดหน้าฉะกับ “หน้ากากวี” อยู่แท้ๆ แต่เมื่อภัยมาถึงตัวกลับเปิดหน้าชกกับ “ไอ้วี สอดส่อง” แบบ “เหี้ย-ห่า-แมงดา” มากันตรึม เรียกเสียงฮาท้องคัดท้องแข็งได้ทั้งห้องสัมมนาของ สตช.ที่มีนายตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก.กว่า 300 นายเข้าร่วมประชุม
       
       ด้วยพฤติกรรม “ขี้ฟ้อง” ที่โร่ไปโพนทะนากับ “นายใหญ่” ทำให้ “ขี้ข้าตัวพ่อ” ต้องตกกระป๋อง
       
       จัดเต็มแบบรู้ทั้งรู้ว่า “พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง” เลขาธิการ ศอ.บต. ก็เป็น “พี่ชายที่แสนดี” ของนายกฯ ยิ่งลักษณ์คนหนึ่ง แต่ด้วยอารมณ์พาไปและคงซดน้ำย้อมใจมาพอสมควร จึง “นอตหลุด” จนเป็นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งแทบทุกฉบับ และไม่วายเหน็บไปถึง “นายกฯคนสวย” ว่า 2 ปีที่ผ่านมา “เอาตัวรอด” หรือพูดตรงๆ ก็ลอยตัวจากปัญหาเสียอีก
       
       เรื่องนี้จะจบกันยังไงก็ต้องไปเคลียร์กันเอาเอง แต่ถ้าไว้ลายรัฐมนตรี 7 สมัย ส.ส.อีก 9 สมัย ก็ควรวัดใจ “ลาออก” ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย
       
       ความเป็นจริงแล้ว “พะนะทั่นเฉลิม” ควรสำเหนียกตัวเองว่า “สอบตก” ในตำแหน่งรองนายกฯ ที่ไม่ได้มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน จับต้องไม่ได้แม้แต่น้อย
       
       โดยเฉพาะภารกิจความรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง คอยแต่ย้ำซ้ำเติมว่า ไม่มีทางสงบ ไม่มีทางสำเร็จ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ “เฉลิม” ต้องกระเด้งกระดอนหมดวาสนาในตำแหน่งรองนายกฯอันดับหนึ่ง
       
       กลับมาว่ากันต่อถึงเรื่องความสัมพันธ์ “สารวัตรเหลิม-สตช.” ที่ยังไม่จบ เพราะมีการวางแผนจัด “งานเลี้ยงส่ง” กันเป็นเรื่องเป็นราว ถึงกับจัดประชุม “เตรียมความพร้อมในพิธีอำลา ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)” โดยมี “พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์” รอง ผบ.ตร. รับเป็นแม่งาน
       
       “รองฯ เอก” บอกว่า เดิมทีตั้งใจจะจัดกันช่วงเที่ยงวันนี้ (3 ก.ค.) แต่เนื่องจาก “เหลิม บางบอน” ยังอารมณ์บ่จอย แจ้งว่าติดภารกิจสำคัญ ไม่สามารถมาร่วมงาน จึงต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด รอให้เจ้าของงานพร้อมก่อนถึงจะกำหนดวันใหม่
       
       ประมาณว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องจัดงานให้ได้
       
       การจะร่ำลาอาลัยลักษณะนี้ถือว่าไม่แปลกอะไร เพราะถือว่ามีความผูกพันธ์ดูแลกันมาตั้งเกือบ 2 ปี อย่าง “บุญทรง เตริยาภิรมย์” ที่จากตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ไปอย่างช้ำๆ ยังโผล่หน้าไปให้ข้าราชการกระทรวงมอบดอกไม้อำลา ในวันที่ “นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล” เจ้ากระทรวงคนใหม่เข้าไปรับไม้ต่อ
       
       แต่คำถามมีว่า การที่ สตช.จะนำภาษีประชาชนมาผลาญเพียงเพื่อจัดงานอำลาตำแหน่งให้คนคนเดียว เหมาะสมดีแล้วอย่างนั้นหรือ??
       
       ยิ่งเมื่อมองถึง “คุณูปการ” ที่ “เหลิม บางบอน” ทำให้กับ สตช.ก็ยิ่งจะดูน่าหัวร่อไปกันใหญ่
       
       เพราะกว่า 2 ปีที่ผ่านมา “อดีตสารวัตรกองปราบฯ” ทำอะไรให้ สตช.บ้าง ที่อวดโอ้คุยโม้ว่า งานปราบปรามยาเสพติดเป็น “ผลงานชิ้นโบแดง” ของตัวเอง ก็ต้องถามว่ามีส่วนร่วมอย่างไรบ้าง เพราะเท่าที่เห็นก็โผล่เข้ามาตอนถ่ายภาพทำข่าวแถลงผลการจับกุมแล้วเท่านั้น
       
       ว่ากันตามเนื้อผ้าเรื่องปราบปรามยาเสพติดต้องยกเครดิตให้ “บิ๊กอ๊อบ-พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” อดีต ผบ.ตร.ที่แข็งขันเจริงเอาจังเรื่องนี้มากกว่า
       
       ซ้ำร้าย “เหลิม” ยังเห็นสำนักงาน สตช.ไม่ต่างกับ “คาเฟ่” ใช้เป็นสถานที่หาความสำราญให้กับตัวเอง นอกจากก๊งไวน์จนเมาแอ๋แล้ว ยังมีการสั่ง “พริตตี้-เด็กดริงก์” มาชงเหล้ารินไวน์ให้ถึงที่ ไม่ให้เกียรติสถานที่ที่เป็นถึงที่ทำการใหญ่ของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”
       
       ส่วนเรื่องเปิด “บ่อนพนัน” ที่เจ้าตัวอ้างว่า “ไอ้วี” คาบความไปฟ้อง “นายใหญ่” ก็คงยากจะพิสูจน์ว่า “สารวัตรเหลิม” เปิดจริงหรือทำตัวเป็น “นายบ่อน” เองหรือเปล่า
       
       แต่ที่ร่ำลือกันหนาหูก็พฤติกรรม “ปิดตาข้างหนึ่ง” ปล่อยให้มีการเปิดบ่อนพนันขันต่อกันอย่างโจ๋งครึ่มในหลายพื้นที่ แต่สำหรับฝ่ายตรงข้ามอย่าง “บ่อนเตาปูน” กลับส่งลูกน้องไปล้อมแล้วล้อมไล่ตีไล่ทุบอีกอยู่หลายรอบ จนถึงวาระสุดท้ายในตำแหน่งรองนายกฯ ดูจากบรรดาลูกน้องที่เบื่อระอา และตั้งใจ “จับวืด” ในช่วงหลังๆ จนทำให้ “เหลิม” เสียหน้าอีกแผล
       
       พฤติกรรมที่ว่ากันต่อๆมาอย่างนี้หรือที่ สตช.สมควรจัดงาอำลาเป็นเกียรติให้ “ท่านเฉลิม” แต่หากความเป็นจริงแล้วตั้งใจจัดงาน “ขับไล่ไสส่ง” ให้เป็นกิจลักษณะก็เป็นอีกเรื่อง
       
       เพราะว่ากันว่าคนที่ สตช.ต่อหน้าอาจจะเรียก “ท่านเหลิม” แต่ลับหลังก็เรียก “ไอ้เหลิม” อย่างนั้นอย่างนี้กันทั้งนั้น
       
       เลยเถิดไปถึง “ไอ้...เหลิม” ก็มีไม่น้อย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น