BumQ

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ไอ้สัด กูว่าแล้ว

เมื่อก่อนนายทองประกอบอาชีพขายหยกขายพลอยครับ
แต่ธุรกิจแกจะเป็นยังไงนั้นผมจำไม่ได้แล้ว แต่จำได้ว่า ภาพของก้อนหินก้อนโตๆ สีเขียวที่วางเรี่ยราดตามมุมบ้านเป็นสิ่งที่คุ้นตาผมมาก
ถ้าใครสังเกต จะเห็นว่าวิชัยคล้องทองไว้เส้นนึง ที่ปลายสร้อยก็มีหยกหนึ่งแท่งที่นายทองยกให้ครับ
เป็นหยกที่นายทองคุยไว้ว่า มันสวยมาก แต่ผมก็ดูรู้อย่างเดียวว่า มันก็สวยดี แต่ไม่รู้มากมายว่า ทางเทคนิคมันสวยยังไง เคยถามนายทองเหมือนกันว่า มันสวยยังไง แกก็ได้แต่ตอบว่า น้ำหยกมันดี มันเขียวสวยดี
ซึ่งก็โอเค สวยก็สวย

เดี๋ยวนี้แกไม่ขายหยกขายพลอยเป็นอาชีพแล้วครับ แต่ว่างๆ แกก็ยังไปเดินเล่นตลาดพลอยอยู่นะ
ซึ่งบางทีผมก็ชอบที่จะตามแกไปด้วย (ผมไม่กล้าบอกแกว่า จริงๆ แล้วผมชอบที่ตามไปด้วย เดี๋ยวจะโดนลากไปทุกวี่ทุกวัน) เวลาไปตลาดพลอยแกก็จะไปนั่งเมาท์กับเพื่อน รอว่าจะมีพม่าสักคนเอาพลอยดิบมาให้ดูรึเปล่า

ซึ่งเวลาเค้ามาพลอยดิบมาให้ดูเนี่ย เค้าไม่ได้เอามาให้ดูทีละเม็ดๆ นะครับ
เค้ามาให้ดูกันเป็นถาด ถาดหนึ่งมีจะร่วมร้อยเม็ดได้มั้ง
คือพลอยสีๆ เนี่ย มันเรี่ยราดเยอะพอๆ กับลูกเกดตากแห้งอะครับ
นายทองก็จะเขี่ยๆ ไอ้พลอยดิบไปมา หยิบเอาขึ้นมาดูบ้างเป็นเม็ดๆ แล้วก็ขอซื้อ
บางทีก็ซื้อเป็นเม็ดๆ บางทีก็ซื้อมันยกถาด
แล้วถ้าซื้อมันทั้งถาด พ่ออาจจะต้องการแค่สามเม็ดในถาดเท่านั้น
จากนั้นพ่อก็จะเลือกเอาเม็ดที่เข้าตาแก เอาไปให้ช่างพลอยพม่าเจียให้สวย
แล้วเอาไปใส่แหวน แล้วแกก็ใส่เอง...
ใส่แล้วแกก็เอาไปอวดคนอื่น พอมีคนสนใจ แกก็ทำทีตีฟองปาทังก้านิดหน่อย แล้วทำราคาก่อนขายทิ้งเอากำไร
เดี๋ยวนี้ แกทำไม่บ่อยครับ นานๆ ที
และด้วยความที่แกเป็นพ่อค้าหยก พ่อค้าพลอยมาก่อนก็จะมีคนเอาหยก เอาพลอยมาให้แกดูบ่อยๆ ว่าเม็ดนี้งามมั้ย เม็ดนี้จริงรึเปล่า ปลอมมั้ย ทุกครั้งนายทองก็จะปฎิเสธอย่างละมุนละม่อมว่า ไม่ขอตอบ จนไปถึงตอบไปง่ายๆ ได้ใจความว่า "กูไม่รู้"

นายทองบอกว่า เราไม่อาจจะบอกว่าพลอยเม็ดไหนสวยหรือไม่สวย จริงหรือไม่จริง เพราะมันอาจจะขี้เหร่ในสายตาแต่สวยในสายตาคนอื่นก็ได้ บางเม็ดอาจจะเป็นของจริง แต่ถ้าเราดูเป็นของปลอม เสียหมาอีก
ทั้งหมดแล้ว...มีแต่เสียกับเสมอตัว
เพราะงั้นก็อย่าไปพูดมันซะเลยจะดีกว่า

ตอนนี้ขอแนะนำเพื่อนผมคนนึง มันชื่อนัทครับ
นัทเป็นชายไทยรูปร่างสันทัด หน้าตาจัดว่าธรรมดา (ถึงมันจะเคยพูดว่ามันหน้าตาดีก็ตาม...)
แต่สำหรับผม ผมถือว่าไอ้นัทจัดอยู่ในประเภท คารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง
คืออีนัทเนี่ย มันคงจะเอาสาริกาลิ้นทองละลายน้ำบ้วนปากก่อนนอนถึงวันครับ
เพราะมันพูดเก่งชิบหาย ถ้ามันขายแอมเวย์ก็คงจะเป็นมงกฏเพชร มงกฎไทเทเนี่ยมได้ไม่ยาก
และที่สำคัญ เพื่อนนัท เป็นคนที่ต้องการความรักตลอดเวลา
พูดให้ดูดีคือ มันเป็นคนขี้เหงา
พูดแบบ...ดูไม่ค่อยดีคือ มันเจ้าชู้

นอกจากเพื่อนนัทเป็นคนที่เจ้าชู้แล้ว เพื่อนนัทยังเป็นมิตรแท้ของความซวย
คือมันเป็นโรคซวยซ้ำซ้อน ซวยเป็นเมดเล่ย์ ซวยแบบความซวยไหล่บ่า
เช่นซื้อรถใหม่มา ไม่ทันข้ามอาทิตย์ก็โดนเค้าถอยมาเฉี่ยว
อาทิตย์ที่สอง รถโดนทุบขโมย laptop ที่เพิ่งถอยมาใหม่
และในวันเดียวกันที่รถโดนทุบนั้น น้องชายหรือญาติต่างจังหวัดโดนขโมยมอเตอร์ไซค์อีก

ในโรงแรมนั้นเพื่อนนัทมีหน้าที่เป็น butler หรือ พนักงานต้นห้อง ที่คอยดูแลเทคแคร์แขกวีไอพี
ทำให้นัทต้องดูแลรายละเอียดทุกอย่างของแขก ไล่มาตั้งแต่ทีวี ตู้เซฟ ผ้าม่าน ประตูห้อง ฯลฯ
และที่พูดไล่มาทั้งหมดนั้น...เพื่อนนัทได้ทำชิบหายมาหมดแล้วครับ
ประตูห้องอยู่ดีๆ ก็เสือกเปิดไม่ได้ซะงั้น
ตู้เซฟเสีย เปิดไม่ได้ เปลี่ยนถ่านแล้วก็ยังเปิดไม่ได้
ผ้าม่านที่ร้อยวันพันปีไม่เคยมีปัญหา อีนพจับทีเดียว เปิดไม่ได้
ทีวี ที่ตั้งอยู่ตรงนั้นมาชั่วนาตาปี อยู่ดีๆ ก็ pixel เสีย ต้องส่งศูนย์ซะงั้น
ว่ากันว่า ความซวยที่มาประทับบนบ่ามันอย่างไม่บันยะบันยังนั้นเป็นกรรมมาจากการที่มันเจ้าชู้มาก
และก็ยังว่ากันต่อว่า ที่เพื่อนนัทกินเจอย่างเคร่งครัดนั้นก็เป็นการชำระล้างความซวยไม่ให้มันหล่นมาเยอะจนเกินไป...
วันนึง...

วิชัยกินข้าวอยู่ในโรงอาหารก็ได้ยินเพื่อนนัทพูดอยู่กับแม่ครัว
เพื่อนนัท: พี่ครับผัดเต้าหู้ล่ะครับ
แม่ครัว: หมด...
เพื่อนนัท: แล้วอาหารเจอย่างอื่นละครับ
แม่ครัว: หมดแล้ว
เพื่อนนัท: อ้าวหมดได้ไง เมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย
แม่ครัว: ก็นึกว่า ไม่มีใครกินแล้ว เลยเททิ้ง
เพื่อนนัท: -*-เอ๊า เอ๊า งั้นกินข้าวกับซีอิ๊วก็ได้ พี่ครับขอซีอิ๊วขาวหน่อยครับ
........
.......
......
เพื่อนนัท: อ้าวเหี้ย! ชิบหาย! ซีอิ้วหกอีก โอ้วจีซัส!
ก็บอกแล้วว่า ไอ้นัทแม่งโคตรซวย
แล้วอย่าคิดว่า วิชัยใช้คำว่า โอ้วจีซัส เอาตลกนะครับ เพราะนี่เป็นคนอุทานจริงๆ ของเพื่อนนพ
เพื่อนนัทอุทานว่า โอ้วจีซัส จริงๆ ได้ยินแรกๆ นึกว่า มันกระแดะ แต่หลังๆ มา มึงจะกระแดะอะไรได้เป็นเดือนๆ วะ
ความซวยชำรุดของนัทไม่จำกัดเฉพาะสิ่งของเครื่องใช้และซีอิ๊วขาวนะครับ
แขกของมันก็ชำรุดเหมือนกัน...
butler ในโรงแรมจะมีอยู่ประมาณ สามคน
โดยแ่ต่ละคนก็จะมีประแภทแขกที่ดูแลชัดเจน เรียกได้ว่า butler แต่ละคนจะดูแขกแต่ละกลุ่มเลย
เช่นพี่เก่ง ก็จะดูแขกประเภท มีอายุนิดนึง มาเป็นคู่เงียบๆ หรือไม่ก็ดูพวกสุลต่าน
ไอ้ชัย ก็จะดูแขกวีไอพีมากๆ พวกแขกที่มีรายละเอียดเยอะๆ
ส่วนเพื่อนนัทก็จะดูแขกพวก...ไรดีละ...แขกแบบนัทๆ อะครับ แขกพวกควงหญิงมาออกรบคืนละสามคน แขกพวกที่มาเป็นกลุ่ม กินเหล้าเสียงดัง เที่ยวกลางคืน หิ้วหญิง ไม่ก็มาสำรวจอ่าง ไม่ก็เมาทั้งวันทั้งคืน
คือ...นั่นแหละ แขกแบบ นัทๆ
เคยมีแขกนัทคนนึง รวยมาก! รวยมหาศาล โคตรพ่อโคตรแม่รวย ถือโทรศัพท์ Vertu สองเครื่อง ให้ทิปทีละ US100 เสียอย่างเดียว...ชอบเมาแล้วยืนเยี่ยวตรงหัวบันไดในห้อง พอเยี่ยวเสร็จก็นอนตรงนั้นเลย ตรงกองเยี่ยวนั่นแหละ...ลำบากเพื่อนนัทต้องเช็ดเยี่ยวและแบกแขกตัวเท่าควายขึ้นห้องนอน
จนหลังๆ เราเริ่มมีความเชื่อว่า...จริงๆ แล้วปัญหาไม่ได้อยู่ที่ห้อง หรือที่ทีวีเสีย หรือที่แขกวุ่นวายหรอกปัญหามันอยู่ที่ไอ้เชี่ยนัทนั่นแหละ มันเป็นกลุ่มเมฆแห่งความซวยที่ไม่ว่าเคลื่อนไปทางไหนก็ทำให้ทุกอย่างเปียกโชกไปด้วยความซวย

แต่เรื่องสาวๆ นั้นเพื่อนนัทจัดได้ว่าเป็นมือวางอันดับต้นๆ ของลีคครับ...
จัดได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ ฝึกปรือฝีมืออยู่เป็นประจำ
โดยที่เพื่อนนัทจะมีคู่หูคือ ไอ้ใหญ่
ทั้งคู่มักจะไปตะลุยอาหรับแดนราตรีด้วยกันบ่อยๆ เป็นที่รู้กันว่า ถ้าไอ้นัทยืนคุยกับไอ้ใหญ่เมื่อไหร่ เป็นอันรู้กันว่า มันทั้งคู่กำลังวางแผนกันว่า คืนนี้จะไปไหนกันดี...
มีอยู่ช่วงนึงที่เพื่อนนัทและเพื่อนใหญ่หลงใหลได้ปลื้มกับน้องแนน
ซื่งไอ้ช่วงนั้นเนี่ย พวกเราแทบจะเป็นเพื่อนกับน้องแนนไปด้วย เพราะได้ยินชื่อน้องแนนบ่อยมากถึงมากที่สุด
แต่แล้วประมาณอาทิตย์ต่อมา ชื่อน้องแนนก็สาบสูญไปจากสุริยะจักรวาล
เหมือนโดนดูดหายไปในชักโครก
เป็นไปได้ว่า ภารกิจปีนเขาเอเวอร์เรสต์ได้ประสบความสำเร็จแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงพักผ่อนก่อนมองหาความท้าทายครั้งต่อไป
วิชัย: เฮ้ย น้องแนนเป็นไงบ้างวะ
นัท+ใหญ่: เรียบร้อย แสรด
วิชัย: จริงเรอะ เป็นไงบ้างวะ
นัท: หึหึหึ
ใหญ่: เรียบร้อย แสรด
นัท: หึหึหึ ให้ไอ้ใหญ่เล่าดีกว่า
ใหญ่: วันนั้นเนี่ย กูก็ไปกับไอ้นัท ก็เหมือนเดิม เสียสองพัน แก้มไม่ได้หอม
วิชัย: อ้าว ไอ้เหี้ย กูก็เห็นว่า ไปกันจัง นี่มึงยังไม่ได้คืบหน้าเลยนี่หว่า
ใหญ่: ไอ้แสรด กูก็ว่าคืนนี้แหละ กูจะยกทัพตะเบงชะเวตี้บุกเมืองเข้าทุบหม้อข้าว
วิชัย: อืม แล้วไง
ใหญ่: กูก็ชวนไปต่อข้างนอก ซึ่งน้องเค้าก็ตามมาด้วยเป็นครั้งแรก
วิชัย: เจ้ด แน่ว่ะ แล้วไงต่อวะ
ใหญ่: น้องเค้าปวดฉี่ กูก็เลยแวะปั๊มหน่อย...แล้วที่เหลือให้ไอ้เหี้ยนัทเล่าต่อละกัน
นัท: ไอ้เหี้ย...แม่งอยู่ดีๆ กูเสือกเอามือไปล้วงกระเป๋าตังค์น้องเค้าเว้ย
วิชัย: แล้วไง...
นัท: ...
ใหญ่: สัดหมา! น้องแนนชื่อ ศุภกิจ!
.......
นัท: เฮ้ย มึง คำว่า นาย เนี่ย ย.ยักษ์ก็ไม่ชัดนะมึง
ใหญ่: แล้วน้องเค้าจะชื่อ "นางศุภกิจ" เรอะ ไอ้สัด
นัท: ....
ใหญ่: กูว่าแล้ว....กูน่ะมองหลายทีแล้ว ไอ้เหี้ย...ผู้หญิงอะไรว้า ตีนควายชิบหาย
วิชัย: อ้าว ไอ้เหี้ย...กูก็เห็นพวกมึงเชี่ยวกันจัง เรื่องผู้หญิงเนี่ย แล้วทำไมทีนี้มึงดูไม่ออกวะ
นัท+ใหญ่: .....ไอ้เหี้ย ก็นั่นไง สาด ทำไมดูไม่ออก
ถึงตอนนี้ ผมว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับว่า ดูออกหรือดูไม่ออกหรอกครับ
ความผิดอยู่ที่ไอ้นัทนั่นแหละที่ดักซวยไว้
อย่างว่าแหละครับพลอยแท้พลอยเทียม นักเลงพลอยเองยังไม่ค่อยกล้าที่จะชี้ชัดว่าเม็ดไหนจริงเม็ดไหนเทียม
เมื่อคืนก่อนนี่เอง มีแขกท่านนึงเดินมาหาน้องที่ทำงานด้วยกันตอนกลางคืน
แขกท่านนี้เข้าพักกับเพื่อนอีกคนนึงครับ ห้องเป็นห้องพักแบบเตียงคู่ (สองเตียง)
โดยที่แขกอีกหนึ่งคนไปพาผู้หญิงมาด้วยหนึ่งคน
แต่ที่ไม่ปกติคือ แทนที่ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นคนเอาบัตรประชาชนมาให้พนักงานฟร้อนท์
กลับเป็นแขกที่เป็นคนขอบัตรประชาชนเอามาให้พนักงาน ทีแรกก็คิดว่าแขกคงทำบ่อยและกลัวว่า ถ้าโดนปล้นปาดตูดชิงทรัพย์ขึ้นมาโรงแรมจะมีหลักฐานในการตามตัว
พนักงานก็รับบัตรประชาชนมาด้วยความยินดี...แต่ว่าแขกไม่ยอมปล่อยบัตรนี่ซิครับ
ไม่ปล่อยไม่ว่า มีการขยิบตาส่งสัญญาณรหัสมอส ปิ้งๆ ปิ้ง
ซึ่งถ้าให้ผมเดาจากคำให้การของน้องอ้อมตอนนั้น...ผมเดาว่าแขกคนที่หยิบบัตรประชาชนมาคงมีความเคลือบแคลงอะไรบางอย่างในการตัดสินใจของเพื่อน...ทำนองว่า เพื่อนเราคืนนี้อาจจะดื่มหนักไปนิด น้ำในหูเกิดไม่เท่ากัน ทำให้เกินผดฝ้าในดวงตาไปจนถึงทำให้การตัดสินใจอะไรบางอย่างเกิดความ...คลาดเคลื่อนได้
..ก็เลยอยากให้น้องอ้อม...ส่งกล้องพิสูจน์พลอยให้หน่อย



ต่อไปนี้เป็นหนังใบ้ที่มีการสื่อสารกันอย่างมีพิรุธ
โดยที่มีเพื่อนอีกคนที่พร้อมรอเตะลูกฟรีคิกส์นอกเขตโทษอย่างใจจดใจจ่อ

แขก:
น้องอ้อม:
แขก:
แขก:
น้องอ้อม:
แขก:
น้องอ้อม: .....
แขก:.....
น้องอ้อม:.....
แขก:....

แต่การเจรจาใบ้อย่างมีพิรุธก็ต้องยุติลงเพราะ...

เพื่อนศูนย์หน้ารอปั่นฟรีคิกส์:

หลังจากไม่รู้เกิดอะไรขึ้น...แต่คาดว่ามันก็น่าจะเป็นอะไรทำนองนี้....
หนึ่งคนก็คงจะ... ซูมมมมม!!! ลูกเตะไดร์ฟคิกส์!!!!
โดยที่อีกคนคงจะกำลัง...
เรื่องมันก็น่าจะจบลงแค่ตรงนี้ แต่ว่าความสงสัยมันเคยปราณีใครที่ไหนละ
อีเพื่อนแขกก็คงจะไม่สบายใจเท่าไหร่ที่เห็นเพื่อนยกซดซุปสาหร่ายจีนแดงปลอมไม่ได้
ก็เลยต้องลงข้างล่างเพื่อนถามหาความจริงเรื่องเด่นคืนนี้กับ...สุดวิชัย ขุ่น
น้องอ้อม: พี่แว่นคะ แขกมีอะไรถามอะคะ
วิชัย: ถามไรอะ
น้องอ้อม: แขกเค้าอยากรู้ว่า...ผู้หญิงที่เค้าพาเมื่อกี้เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย
วิชัย:
คือไอ้น้องอ้อมมันทำหน้าราบเรียบประหนึ่งเดินมาถามผมว่า
"แขกเค้าอยากรู้ว่า ผ้าพันคอที่ซื้อมาเป็นผ้าไหมรึเปล่า"
งานเข้ากูอีก...
แขก: ยูว์ ชั้นอยากรู้ว่า คนๆ นี้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง
ดูจากบัตรประชาชนแล้ว...ไม่ต้องถึงระดับ สุดวิชัย ขุ่น มาวิเคราะห์หรอกครับ
ฟันธงก็ยังน้อยไป...เอาอ้อยมาไร่นึงให้ไล่ฟันเลยดีกว่า...
ไอ้เพื่อนข้างบน...มันกำลังปั่นฟรีคิกส์บนหญ้าเทียมอยู่นี่เอง

หันไปมองอ้อมเป็นสัญญาณว่า..."ไปไกลๆ หน่อยดิ๊...ผู้ชายจะคุยกัน"

น้องอ้อม >>>

อ้อมครับ...bluetooth เอ็งเสียชัวร์...ไม่สามารถรับส่งสัญญาณไร้สายอะไรสักอย่าง

วิชัย: เอ่ออ ยูว์ ก็นะ เราจะพูดยังไงกันดีละ คือแบบว่ายูว์ก็ไปเลือกกันมาเองนี่เนอะ
แขก: ชั้นรู้ แต่ชั้นแค่อยากรู้ว่า คนเนี้ยผู้หญิงหรือผู้ชาย
วิชัย: อ่านะ...แบบว่าอืม ยูว์โนว์

แขก:
วิชัย: คือมันไม่ใช่สิ่งที่ไอควรจะพูดอะ แบบว่าทุกคนก็ทำงานทำการเหมือนๆ กันอะเนอะ
แขก: แต่ชั้นอยากรู้ว่าเค้าเป็นหญิงหรือชาย
วิชัย: อ่า เออ
แขก: ....
วิชัย: physically female but legally male
แขก:
แขกทำหน้าทำตาที่เป็นใครเดินผ่านมาก็สามารถแปลงสารได้ว่า "...ไอ้สัด กูว่าแล้ว"

ช่างเป็นเพื่อนที่น่าสรรเสริญนะครับ ลงมาถามหาความจริงให้กับเพื่อน
ถึงแม้ความจริงมันจะเต็มไปด้วยซิลิโคนก็ตาม
เฮ้อ...ในขณะที่เพื่อนหนึ่งคนโดนก้อนซิลิโคนแห่งความจริงถล่มลงมาบนบ่า เพื่อนอีกคนก็คงจะ...



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น