BumQ

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ของขวัญจับรางวัล ปวดตับ

ช่วงปีใหม่แบบนี้ คิดว่าหลายคนคงจะมีปัญหาอะไรบางอย่างที่เหมือนๆ กัน
นั่นก็คือ...ของขวัญจับรางวัล
ของขวัญจับรางวัลเป็นอะไรที่ปวดตับระดับหนึ่งในการเข้าไปจัดการดูแลเทคแคร์กับมัน
ปวดตับยังไง?
เอ๊า! ปีใหม่เท่ากับสิ้นปี สิ้นปีเท่ากับสิ้นใจ
บางออฟฟิศก็ราคา 300 บาท
บางทีไฮโซว์หน่อยก็ราคา 500 บาท
ตังค์จะแดกยังจะไม่มี เสือกทะลึ่งต้องมาซื้อของขวัญมาจับรางวัลกันอี๊ก!!
แล้วที่ปวดตับจริงๆ คืออะไรรู้มั้ยครับ
เราจะซื้ออะไรดีล่ะ?
นี่คือความปวดตับในระดับเดียวกับคำถามที่ว่า เย็นนี้จะกินอะไรดี แต่นี่จะมาบรรจบทุกๆ หนึ่งปี เพราะฉนั้นระดับความกดดันจะมากกว่าหลายเท่าตัว นี่คือความกดดันที่เหมือนกับปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือด คือมันมีอยู่จริง แต่เราไม่รู้สึก จนกว่าจะมีคนมาบอกเรา
วันนี้สุดวิชัยขุ่นได้ทำการวิจัยแล้วค้นพบความจริงที่น่าสะพรึง 1 ข้อ นั่นก็คือ...
เหตุที่เรากดดันในการซื้อของขวัญจับรางวัลปีใหม่เพราะ...ของรางวัลเหล่านั้นมันสะท้อนรสนิยมของเรา!
ที่เรากดดันเพราะเรากลัวคนอื่นประณาม!
และเพราะแรงกดดันแบบนี้แหละ มันก็เลยทำให้การจับฉลากของขวัญปีใหม่ทุกครั้งจะต้องมีสิ่งสิ้นคิดเหล่านี้เสมอ
ผ้าขนหนู
ที่แม่งต้องมาในกล่องใหญ่ๆ ที่แบ่งเป็นหลุมๆ เรียบร้อย มีผ้าขนหนูขนาดต่างๆ ที่จะต้องมีลายปักอะไรสักอย่าง
อนึ่งผ้าขนหนูเหล่านี้นั้น จะแสดงความไฮไซว์ได้มากที่สุดก็ตอนที่อยู่ในกล่อง
แค่มันหลุดออกจากหลุมแค่นั้นแหละ เราก็จะค้นพบว่ามันไม่ได้มีห่าอะไรเลยนี่หว่า ซับน้ำก็ไม่ดี
จะพูดกันอีกนัย มันเหมาะที่จะเป็นของขวัญจริงๆ ไม่เหมาะที่จะเอามาใช้งาน
กรอบรูป
คาดว่า...นี่คงเป็นของขวัญจับฉลากกันมาตั้งแต่ปีที่สองที่พระเยซูสิ้นพระชนม์ครับ
สิ้นคิดมากมายมหาศาลลองกองสุดยอดคอดๆ!
ลองคิดดูซิครับ มีของขวัญกองอยู่หนึ่งพะเนิน 50% ในนั้นคือกรอบรูป
แค่นึก...ก็เหี่ยวแล้วครับ
ชุดถ้วยชา
เปรียบไปก็เหมือนชุดสังฆทานโลตัสครับ ห่วยมาก
ผมเคยได้ทั้งชุดผ้าขนหนู และชุดถ้วยชามาแล้วครับ
ขอยืนยันตรงนี้เลยว่า อะไรที่เป็นชุด...จัดว่าโคตรห่วยครับ
เพราะมันคือของขวัญครับ แต่ไ่ม่ใช่ของใช้
โคมไฟตั้งโต๊ะ
พวกโคมไฟที่ทำหน้าที่ตัวเองเพียงพอคือ เหมือนจะสว่างแ่ต่ไม่สว่าง
จะด่ามันก็ไม่ได้ เพราะมันก็มีแสงออกจากตัวมันแล้ว
ตอนอยู่โรงแรมภูเก็ต เคยมีรุ่นพี่หาซื้อโคมไฟมาจับฉลาก
แต่สงสัยพี่แกรีบไปหน่อย ก็เลยได้แต่โคมไฟแปะผนัก ที่เป็นไม้ๆ สไตล์บังกะโลเสม็ดชอบใช้น่ะครับ
ไม่ต้องบอกว่า คนที่ได้โคมไฟอันนั้นจะรู้สึกยังไง
"เหี้ย! นี่กูต้องสร้างบ้านใหม่สไตล์ล้านนาเพื่อให้เข้ากับโคมไฟมึงรึเปล่าวะ"
นาฬิกาปลุก
อันนี้ก็จัดว่าสิ้นคิดเหมือนกันนะ
ทุกปีจะต้องมีนาฬิกาปลุก และมันก็นาฬิกาปลุกกันมาตั้งแต่สี่ปีที่แล้ว จนบัดนาวก็ยังปลุกกันอยู่
มายุคหลังๆ มีอะไรบางอย่างที่มันมากกว่านั้นแล้ว...Gift voucher!
คือก็รู้ว่ามันมีราคาค่างวดเหมือนกัน แต่ผมก็แอบน้อยใจนะครับ ที่เวลาจับรางวัลกัน คนอื่นได้อะไรที่เป็นกล่องๆ ของๆ เป็นชิ้นเป็นอัน แล้วอะไร..เราได้ซองจดหมายหนึ่งซอง...เศร้านะ
แล้วจะต้องซื้ออะไรที่ไม่สิ้นคิด?
เท่าที่ผมคุยกับมยุรีวันนี้ตอนออกไปซื้อของขวัญ ค้นพบว่าคนเรา mind set ไว้แล้วว่า "ของขวัญ" จะต้องประมาณนี้เท่านั้น ห้ามซื้ออะไรที่มันนอกเหนือจากนี้ ไม่งั้นจะถือว่าผิดศีลอย่างร้ายแรง
ทุกคนต้องการของขวัญในราคาที่ตั้งไว้
ต้องการสิ่งนั้นให้ดูดีที่สุด
แต่ต้องไม่แหวก
ถึงจะแหวกก็ต้องดูดี
วันนี้วิชัยอยากเสนออะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้การซื้อของขวัญคราวหน้าเป็นอะไรที่ปวดตับน้อยลง
ผมตั้งราคาของไว้ที่ 300 บาทนะครับ (บางออฟฟิศอาจจะ 500 บาท)
- เดินเข้าโลตัส ไปที่แผนกยา แล้วซื้อทุกสิ่งทุกอย่างครับ
ยาแดง ยาทาเริม เคาน์เตอร์แพน ยาลดกรด แก้ปวดหัว ปวดท้อง ปวดข้อ เคลือบกระเพาะ
แน่นอนครับซื้ออะไรก็ แต่ต้องไม่ใช่ที่เป็น "ชุด" การซื้อเป็นชุด จัดว่าง่ายไป แสดงถึงความไม่ใส่ใจครับ
เราก็ซื้อไปโลดครับ อะไรใกล้มือหยิบมา ผ้ากง ผ้าก๊อต เทนโซพาส อะไรก็ว่าไป
รับรองครับ...แหวกแนวสุดๆ แถมยังมีประโยชน์ได้ใช้จริงๆ
- เดินเข้าห้างใหญ่ๆ ตรงไปแผนกเครื่องเขียน แล้วจัดการ
ปากกง ปากกา ลิควิดเปเปอร์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้มือ จัดมาให้เรียบ อย่าให้เหลือ
- หรือถ้าคิดว่ามันไม่แนว อยากได้แบบแนวๆ แบบเอาฮา หรืออยากให้คนอื่นจดจำไปนานๆ
วิชัยก็มีข้อแนะนำครับ แต่ไม่แนะนำให้ซื้อน้ำปลาหนึ่งลังนะครับ ผมลองมาแล้ว...โดนสาปแช่งเลยทีเดียว
น้ำปลาไม่แนะนำครับ ไม่ดี...ชุดสังฆทานก็ไม่แนะนำครับ เชยแล้วครับ
ของขวัญต้องเน้นที่ใช้ได้จริงครับ จัดการซื้อเลยครับ ประแจ
อย่ากระนั้นครับ ประแจ ดีๆ ราคาแพงนะเอา
ประแจ มันดูแย่เหรอครับ
งั้นไขควงก็ได้
หรือ ให้เหมาะ ก็จัดไป กุญแจบ้านยี่ห้อโซโล
หรือสายแจ๊คทีวี
ได้ใช้ประโยชน์แน่ๆ อะ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ว่ะ
บัตรเติมเงินก็ดีนะครับ
ก็ซื้อๆ ไปเถอะครับ บัตรเติมเงินของอะไรก็ได้ ส่วนคนที่จับได้ เขาจะได้ใช้หรือไม่แล้วแต่วาสนาของเขาแล้วครับ
หรือถ้าคิดไม่ออกจริงๆ...แล้วแบบไม่ทันแล้วจะต้องซื้อแล้ว
ก็ซื้อส้มให้กิโลหนึ่ง ( 30 บาท) แล้วแนบเงินไปอีก 270 ก็ครบ 300 แล้ว
เชื่อโผม ผมทำมาแล้ว ได้ผลดีมาก
พี่คนนั้นแค่เอาส้มไปถวายพระ แล้วขอพรให้ปีหน้าไม่ได้ของผมอีก
เท่านั้นเอ๊ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น